วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558
16 ที่เที่ยวทะเลนครศรีธรรมราช มนต์เสน่ห์ที่งดงามไม่แพ้ใคร
1. ช่องรูเล็ด




สัญลักษณ์แห่งท้องทะเลขนอม อยู่ในเขตตำบลท้องเนียน ซึ่งเป็นรอยต่อของอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจุดเหนือสุดแดนขนอม มีลักษณะเป็นร่องน้ำลึกอยู่ระหว่างเกาะถ้ำกับเขาหัวช้าง และเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด เหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติของสัตว์นานาชนิด บริเวณรอบ ๆ มีเกาะแก่งที่สวยงามแปลกตา บริเวณปากร่องน้ำเป็นที่ตั้งของเกาะเล็ก ๆ ชื่อ เกาะผี





เกาะผี เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับช่องรูเล็ต ที่มาของเกาะผี คือ มีชาวบ้านเห็นศพลอยอยู่บริเวณเกาะจึงเรียกกันว่าเกาะผี และมีลักษณะเป็นถ้ำ (สามารถเข้าไปเดินได้เมื่อน้ำลดต่ำสุด) ภายในมีฝูงค้างคาวและหอยหลายชนิด อีกทั้งยังสามารถพบเห็นปะการังและกัลปังหาได้ด้วย สำหรับการเดินทางมายังเกาะผี สามารถเช่าเรือหางยาวมาได้จากท่าเรือแหลมประทับ ในระหว่างทางจะผ่านหลายจุดท่องเที่ยว เช่น หินพับผ้า เกาะนุ้ย ช่องรูเล็ต เป็นต้น















หาดหินงาม หรือชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า หัวหินสิชล อยู่ในตำบลสิชล อำเภอสิชล นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อมานาน มีลักษณะเป็นหาดหินโค้งยาวขนานกับแนวคลื่นที่ซัดน้ำทะเลเข้ามาสู่ชายฝั่ง เหมาะแก่การเล่นน้ำ มีที่พักและร้านอาหารบริเวณริมหาดหลายแห่งหาดหินงาม บริเวณชายหาดเต็มไปด้วยก้อนหินกลมเกลี้ยง มีสีสันสวยงามและเป็นที่มาของชื่อหาดหินงาม ตลอดแนวชายหาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการ และสำหรับคนพลังงานเหลือเฟือลองพายคายักดู นับเป็นการออกกำลังกายที่ดีและสนุกสนาน










หาดในเพลา เป็นหาดที่มีชื่อเสียงคู่เมืองนครมานาน และเป็นจุดที่เด่นที่สุดในการท่องเที่ยว ลักษณะหาดเป็นแนวยาวโค้งขนานกับแนวภูเขาที่ตอนปลายยื่นไปในทะเล ทัศนียภาพโดยรอบมีความเป็นธรรมชาติที่งดงาม หาดทรายขาวสะอาดละเอียดเนียนนุ่ม สลับกับหาดหินและโขดหินเป็นช่วง ๆ น้ำทะเลใสสะอาดสีครามในอ่าวกว้าง เหมาะสำหรับเล่นน้ำ บริเวณหาดจะมีที่พัก ร้านอาหารให้บริการแก่นักท่องเที่ยว





หาดหน้าด่าน คือหาดที่อยู่บริเวณตอนกลางของอ่าวขนอม ชายหาดเป็นแนวยาว ทรายขาว เม็ดทรายละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเล บรรยากาศสงบเงียบ สะอาด สามารถมองทิวทัศน์ท้องทะเลสีครามสวยงาม มีที่พักและร้านอาหารริมหาดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในอดีตบริเวณหาดหน้าด่านเคยเป็นท่าเรือสินค้า ชุมชนชาวจีนซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวจีนอำเภอขนอมในปัจจุบัน เคยเป็นที่ตั้งตลาดค้าขายมานับร้อยปีเพิ่งเลิกไปเมื่อ พ.ศ. 2505 ครั้งที่เกิดมหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก ปัจจุบันตลาดได้ย้ายไปอยู่ที่ตลาดสี่แยก ห่างจากหาดขนอมไปประมาณ 1.8 กิโลเมตร นับได้ว่าตลาดการค้ามีต้นกำเนิด ณ ที่บริเวณหาดหน้าด่านแห่งนี้





เขาหินพับผ้า อยู่ในอำเภอขนอม เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เห็นได้บนเขาหิน และเกาะบางเกาะในทะเลขนอม บริเวณหน้าอ่าวเตล็ด คือ ที่เกาะท่าไร่ เกาะนุ้ยนอก เขาหลักซอ และชายฝั่งอ่าวเตล็ด ลักษณะที่เห็นจะเหมือนเป็นแผ่นหินที่ทับซ้อนเรียงกันเป็นชั้น ๆ สูงขึ้นไป ด้านบนมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหลากหลายชนิด บางชนิดก็ดูแปลกตาออกไป
สำหรับการเกิดของเขาหินพับผ้าเกิดจากกระบวนการหินตะกอน ที่มีการตกตะกอนของหินที่มีส่วนประกอบและความแข็งต่างกัน เป็นชั้น ๆ ในท้องทะเล ต่อมามีการเอียงและยกตัวของเปลือกโลกชั้นหินดังกล่าวก็เกิดเป็นหน้าผา เมื่อถูกกระแสน้ำและลมกัดกร่อนเอาชั้นที่อ่อนกว่าออกเหลือชั้นที่แข็งแกร่งกว่า ก็จะดูเหมือนแผ่นหินที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เปรียบเหมือนขนมชั้นหรือผ้าที่พับไว้ จึงเป็นที่มาของชื่อ "หินพับผ้า" เมื่อนักท่องเที่ยวฝรั่งได้มาเห็นที่นี่ก็บอกว่าเขาหินลักษณะนี้คล้ายกับ"Pancake Rock" ที่เมือง Punakaiki ประเทศนิวซีแลนด์ ก็เลยเรียกหินพับผ้าเหล่านี้ว่า "แพนเค้ก ร็อค เมืองไทย" ทั้งนี้ การจะมาเยี่ยมชมต้องไปเช่าเรือหางยาวที่แหลมประทับ เรือ 1 ลำ นั่งได้ 7 คน ควรจะมาเช้า ๆ เพราะอาจจะได้เห็นโลมาสีชมพูด้วยในระหว่างนั่งเรือชมหินพับผ้า





หาดทรายแก้ว เป็นหาดทรายที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในอำเภอท่าศาลา นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น เล่นน้ำทะเล กินอาหารทะเลสด ๆ อร่อยได้ที่ร้านอาหารหาดทรายแก้ว และมานอนนับดาวได้ที่หาดทรายแก้วรีสอร์ท และถึงแม้ว่าหาดทรายชายทะเลแห่งนี้จะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เป็นที่พักผ่อนที่สงบ ร่มรื่น สวยงามตามแบบชายฝั่งทะเลตะวันออก ด้วยแนวหาดทรายยาวที่มีทิวสนและดงมะพร้าวเป็นฉากหลัง เป็นความสุขที่หาได้ในราคาไม่แพงเลย





ชายทะเลปากพนัง และ แหลมตะลุมพุก เป็นสถานที่ซึ่งอยู่บริเวณตอนบนของอำเภอปากพนัง ด้านที่ติดกับทะเลด้านใน (อ่าวนครฯ) มีประชากรตั้งถิ่นฐานอยู่ ส่วนด้านนอกที่ติดกับอ่าวไทย เป็นหาดทรายและมีต้นสนขึ้นเป็นแนวยาว เป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์มหาวาตภัยครั้งใหญ่จากพายุโซนร้อน "แฮร์เรียต" (Harriet) พัดถล่มแหลมตะลุมพุก เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ลักษณะของชายหาดปากพนังเป็นชายหาดยาวไปตามชายฝั่งทะเล มีแหลมตะลุมพุกเป็นแหลมทรายรูปจันทร์เสี้ยวยื่นไปในอ่าวไทย สามารถขับรถไปจนถึงปลายแหลมได้ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารทะเลบริการในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย





หาดท้องชิง เวิ้งอ่าวที่ถูกห้อมล้อมด้วยทิวเขาทั้งสามด้าน ทำให้พื้นที่นี้เกือบถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จึงยังคงรักษาสภาพธรรมชาติไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นหาดที่มีพื้นที่ต่อจากหาดแขวงกา มีหาดทรายขาวยาว ประมาณ 1,300 เมตร รายล้อมด้วยสวนมะพร้าว มีภูเขาไชยสนอยู่ทางใต้ของหาด สูงกว่า 500 เมตร ปิดกั้นการเดินทางและเสียงจากรถยนต์ ได้ยินเฉพาะเสียงเรือ ลักษณะพื้นที่ยังเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การตั้งแคมป์สำหรับหมู่คณะใหญ่ที่ชื่นชอบการผจญภัย มีที่พักริมหาด ด้านบนมีที่พักของอุทยานฯ สำหรับนักท่องเที่ยว





อ่าวท้องหยี อยู่เลยจากหาดในเพลาไปทางใต้ นับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางใต้สุดของทะเลขนอม มีสภาพแวดล้อมเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ ชายหาดสงบเงียบและเป็นส่วนตัว และเนื่องจากอ่าวท้องหยีเป็นแนวโค้งชายหาดลาดลงสู่ทะเล สลับโขดหินสวยงามเหมาะที่จะลงเล่นน้ำ จึงเหมาะสำหรับการพักแรมแบบแคมป์ปิ้งหรือกางเต็นท์ รวมถึงมีเรือประมงมาขึ้นฝั่งอ่าวท้องหยีด้วย สามารถหาซื้อปลาสด ๆ ได้กันที่นี่ อีกทั้งบริเวณแนวหาดท้องหยีพบว่ามีแนวปะการังที่สมบูรณ์มาก





โลมาสีชมพู สัญลักษณ์แห่งท้องทะเลขนอม ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลและป่าชายเลน พื้นที่อำเภอขนอม ทำให้อำเภอขนอมเป็นถิ่นอาศัยของโลมาสีชมพูซึ่งชอบกินปลากระบอก ปลาเล็ก ๆ โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การดูโลมา คือ ช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วมีการใช้โลมาสีชมพูเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวในแถบนี้ถึง 3 อำเภอด้วยกัน คือ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอขนอมและอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกันทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งในปัจจุบันการออกไปท่องเที่ยวชมโลมาในทะเลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก





ความมหัศจรรย์ของเกาะแห่งนี้ คือ มีบ่อน้ำธรรมชาติเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 นิ้ว เป็นบ่อน้ำจืดจากแผ่นดินใหญ่ ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์แห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเวลาที่น้ำทะเลขึ้นจะกลบบ่อน้ำจนมองไม่เห็น ต่อเมื่อน้ำทะเลลดลงจะเผยให้เห็นบ่อน้ำจืด ชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่า "บ่อน้ำจืด" คือ บริเวณที่หลวงปู่ทวดได้เคยมาเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดตามตำนาน ดังนั้น บนยอดเขาของเกาะจึงมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ ซึ่งช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยว คือ ตั้งแต่เช้าเพราะเป็นช่วงที่น้ำทะเลยังไม่ขึ้น หากไปสาย ๆ จะไม่สามารถชิมน้ำจืดได้ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่เกาะได้โดยใช้เรือหางยาวจากท่าเรือแหลมประทับ





สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
รับรองว่า หากเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมอุโมงค์วิสเทอเรีย ที่ตั้งอยู่ในสวนคาวาชิ ฟูจิ ของเมืองคิตะกีวชู ประเทศญี่ปุ่น จะต้องตกหลุมรักอุโมงค์ดอกไม้แห่งนี้ได้ในทันทีที่อย่างแน่นอน ด้วยความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ทอดตัวเรียงยาวขนาบข้างตามเส้นทางภายในอุโมงค์ ที่ให้ความรู้สึกสุดแสนโรแมนติกราวกับกำลังเดินอยู่ในสรวงสวรรค์กันเลยทีเดียว
2. ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre)
สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ต้องการมาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของตึกรามบ้านช่อง ซึ่งถูกฉาบไว้ด้วยสีสันสดใสสะดุดตาตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส ที่อยู่ทางด้านหลังของหมู่บ้านทั้ง 5 ซึ่งอยู่ติดกับทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ในประเทศอิตาลีค่ะ
3. โรงแรมเมจิค เมาน์เท่น (Magic Mountain hotel)
เมื่อดูภายนอกของโรงแรมแห่งนี้ อาจดูเหมือนสถานที่สำหรับใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ เพราะรูปร่างหน้าตาคล้ายกับภูเขาสูง ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าเขียวชะอุ่ม แถมยังมีน้ำตกไหลลงมาจากด้านบนของภูเขาอีกด้วย จนแทบไม่น่าเชื่อว่า ที่นี่จะเป็นโรงแรมที่ใช้สำหรับพักอาศัยได้จริงๆ ซึ่งโรงแรมภูเขาสุดหรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวภายในอุทยาน Huilo Huilo บริเวณแคว้นลอส ริออส ประเทศชิลี นั่นเองค่ะ
4. ครุ๊ก ฟอเรสท์ (Crooked Forest)
ครุ๊ก ฟอเรสท์ เป็นสถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ ครุ๊ก ฟอเรสท์ แห่งนี้ มีความแปลกพิสดารไม่เหมือนใคร ก็คือ รูปร่างหน้าตาของ “ต้นสน” กว่า 400 ต้นที่อยู่ในผืนป่าแห่งนี้ มีลักษณะโค้งงอบริเวณโคนต้นผิดจากต้นไม้ทั่วไป โดยทราบแต่เพียงว่า มีคนนำต้นสนเหล่านี้ มาปลูกเอาไว้ตั้งแต่ปี 1939 แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่า ทำไมมันถึงมีรูปร่างเช่นนี้
5. อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel Of Love)
เป็นอุโมงค์ต้นไม้ขนาดยักษ์ ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว ซึ่งตั้งอยู่บนรางรถไฟเก่าแห่งหนึ่งในเมืองคลีเวน ประเทศยูเครน โดยสาเหตุที่ได้ชื่อว่าเป็น "อุโมงค์แห่งความรัก" เนื่องจากบรรดาคู่รักนักท่องเที่ยวทั่วโลก นิยมใช้ที่นี่เป็นสถานที่นัดพบ เพื่อมาเดินเที่ยวเล่น และใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพแต่งงานอยู่เสมอนั่นเองค่ะ
6. บ่อน้ำพุร้อน บลู ลากูน (Blue Lagoon Hot Springs)
บลู ลากูน เป็นบ่อน้ำพุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในประเทศไอซ์แลนด์ โดยบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ จะมีบรรยากาศดี และสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ซึ่งถึงแม้อากาศภายนอกจะหนาวเหน็บขนาดไหน แต่อุณหภูมิของน้ำในบ่อก็ยังคงร้อนอยู่เสมอนั่นเอง ช่างเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่สร้างความอบอุ่นในวันที่หิมะมาเยือนของเมืองนอกเขาจริงๆ ค่ะ
7. ไอซ์ แคนยอน (Ice Canyon)
หุบเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่เห็นกันอยู่นี้ เกิดจากการละลายตัวของก้อนน้ำแข็งจำนวนมาก บริเวณเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก โดยมีความลึกถึง 150 ฟุต แม้มองดูเผินๆ คุณอาจจะเห็นเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าอันเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีขาว แต่บริเวณช่องว่างในหุบเขาที่มองลงไปเห็นธารน้ำสีฟ้าใส กลับทำให้นักท่องเที่ยว และนักปีนเขาจำนวนมาก ตกหุมรักมนต์เสน่ห์ของหุบเขาน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
8. บอล พีระมิด (Ball Pyramid)
ภูเขาหินรูปทรงพีระมิดนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลอร์ด ฮาว ในมหาสมุทรแปซิฟิค ด้วยความสูงกว่า 562 เมตร อาจเรียกได้ว่า เป็นภูเขาหินริมทะเลที่สูงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่จริงแล้ว บอล พีระมิด แห่งนี้ คือ ส่วนที่เหลืออยู่ของภูเขาไฟรูปโล่ เมื่อ 7 ล้านปีที่แล้วนั่นเองค่ะ
9. เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ (The Great Barrier Reef)
เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทะเลคอรัล บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เรียกได้ว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต และเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ ที่ต่างพากันยกนิ้วให้กับความสวยสดงดงามของแนวปะการังแห่งนี้เลยทีเดียว
10. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park)
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ เป็นอุทยานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย ซึ่งแวดล้อมไปด้วยความงดงามของป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ และธารน้ำตกมากมายหลายชั้น ที่สามารถสะกดนักท่องเที่ยวให้ตราตรึงกับบรรยากาศภายในอุทยานได้อย่างอยู่หมัด
เป็นไงบ้างค่ะ สวยๆทั้งนั้นเลย ใช่ไหมค่ะ ยังไงก็เดินทางระวังด้วยนะค่ะ ด้วยความเป็นห่วงจาก Artplanet ค่ะ