สำหรับการเดินทางมาเยือนสกลนครทุกวันนี้สะดวกมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินที่บินตรงจากดอนเมืองมายังสกลนคร วันละ 2 เที่ยวบิน ทำให้จังหวัดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น จังหวัดเล็ก ๆ ที่ไม่วุ่นวาย วิถีชีวิตและการใช้ชีวิตที่แสนจะง่าย ๆ พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว และบึงขนาดใหญ่ ทำให้ที่นี่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
สำหรับทริป 1 วันที่สกลนคร ผมเจาะจงที่จะเดินทางไปที่ชุมชนท่าแร่ครับ ซึ่งจากประวัติที่ผมศึกษามาคราว ๆ นั้น ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มากกว่า 100 ปี มีทั้งโบสถ์และบ้านทรงโบราณมากมาย ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของคนเวียดนามสมัยก่อน รวมไปถึงเป็นชุมชนคาทอลิกขนาดใหญ่ ในวันที่ผมเดินทางอากาศค่อนข้างร้อนสลับกับฝนตก ทำให้ภาพที่ถ่ายออกจะดูอึมครึมเล็กน้อย ฮ่า ๆ แต่อยากจะบอกว่า 1 วัน สำหรับการมาเยือนเมืองสกลนครคุ้มค่ามาก ๆ ครับ สวยกว่าภาพที่ผมเห็นตามอินเทอร์เน็ตซะอีก
ฝากติดตามเพจการเดินทางของเราด้วยนะครับ เฟซบุ๊ก wanderaroundthailand
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นสถานที่แรกที่ผมไปเยือนครับ เพราะอยู่ภายในชุมชนท่าแร่ ตั้งตระหง่านมองเห็นมาแต่ไกล


หลังจากนั้นผมก็เดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอชุมชุนเก่าแก่ของท่าแร่ครับ ซึ่ง Highlight ของที่นี่ คือบ้านเก่าแก่มากมายที่มีอายุมากกว่า100 ปี ซึ่งเป็นสถานที่หนุ่มสาวนิยมมาถ่ายรูปกัน

เป็นสถาปัตยกรรมที่ผมเองก็ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ยิ่งมองยิ่งเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ ครับ

เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ท้องก็เริ่มหิว เพราะผมมาถึงที่นี่เวลาประมาณเกือบเที่ยง ๆ แล้ว แต่ใจก็ยังจดจ่อที่จะเดินชมโบราณสถานแห่งนี้ให้ครบเสียก่อน เรื่องกินเอาไว้ทีหลัง ฮ่า ๆ

เดินชมไปเรื่อย ๆ ครับ แต่ละสถานที่ก็อยู่ห่างไม่ไกลกันมากนัก บางหลังก็ยังมีคนอาศัยอยู่จริง ๆ บางหลังก็ถูกปล่อยร้างเพื่อจะเก็บไว้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่นี่

เรือนโบราณครับ ตามประวัติคือมากกว่า 90-100 ปี ซึ่งเดิมเป็นที่อาศัยของพระยาประจันตะประเทศธานี เจ้าเมืองแห่งสกลนครในเวลานั้น ก่อนจะกลายเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา จุดเด่น ๆ ก็คืออาคารจะถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้และต้นไม้ ทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่เสียมเรียบประเทศกัมพูชา


ความหิวเริ่มทวีคูณมากขึ้น โชคดีที่ละแวกนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ร้านหนึ่งที่สะดุดตาผมมาก เพราะใช้อาคารที่มากกว่า100 ปี ในการทำเป็นร้าน ท่าทางน่าจะอร่อย ไม่โอ้เอ้รีบเดินเข้าไปลองทันที อยากจะบอกว่าได้เยอะมาก เหมือนรู้ว่าหิวจัด

น่ากินมาก ๆ ขอถ่ายรูปโชว์แป๊บ ฮ่า ๆ ก่อนจะลงมือกินผมก็แซวแม่ค้าเล่น ๆ ว่าใช่เนื้ออย่างว่ารึเปล่า ? ^^

หลังจากท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อครับ สถานีต่อไปที่ต้องไปให้ได้ คือเที่ยวชมอุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งห่างจากท่าแร่ไม่มากนัก เข้าชมฟรีครับ สำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานที่นี่ก็มีให้เช่าครับ ช่วงนี้ดอกบัวเริ่มจะโผล่แล้ว แต่ยังถือว่าน้อยอยู่



ปลาย ๆ ปีดอกบัวน่าจะมีให้เห็นมากกว่านี้ครับ เห็นแล้วอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ จัง

หลังจากชมความงามของทุ่งบัวเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางมายัง "วัดพระธาตุเชิงชุม" วัดที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสกลนคร ใครไม่ได้มาถือว่ามาไม่ถึงสกลนครนะครับ ตั้งอยู่ที่ริมหนองหาน อำเภอเมือง เป็นสถานที่ พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหาร วัดสวยงามมาก ผมสักการะและเดินชมอยู่สักพัก ก่อนจะวางแผนเดินทางไปยังอีก 1 สถานที่ครับ เพราะเวลาตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นแล้ว


ก่อนที่เราจะไปยังสถานที่สุดท้าย เราพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครมาสกลนครจะต้องแวะไป นั่นก็คือ "ฟาร์มฮัก" โคขุนโพนยางคำที่เป็นที่รู้จักในวงของคนชอบกินสเต๊ก เรียกได้ว่าที่นี่ขึ้นชื่อเลยครับ มีหลายสาขาด้วย แต่ผมเองไม่ได้ลองครับ เพียงแค่วะมาถ่ายรูปและหาอะไรเย็น ๆ กินเท่านั้นเอง เพราะอากาศมันร้อนเหลือเกิน



บรรยากาศ 2 ข้างทาง ระหว่างเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้าย นั่นก็คือ "น้ำตกคำหอม" ที่ภูพาน ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักครับ ไปหาความชุ่มชื่นสักหน่อย

ในขณะที่ผมลงไปถ่ายรูปชาวนา เด็กคนนี้ได้บอกผมว่า "พี่อย่าลืมมาเที่ยวสกลนครอีกนะ"^^

และแล้วก็มีถึงสถานที่สุดท้ายก่อนจะมืดค่ำ "น้ำตกคำหอม" ไม่ได้แวะมาเล่น แค่แวะมาเก็บภาพและดูเด็ก ๆ เล่นน้ำ นึกย้อนมองตัวเองในอดีตทันที ครั้งหนึ่งเราก็เคยมีโมเม้นท์นี้กับเขานะ ฮ่า ๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น